การเทรดคืออะไร? เข้าใจกลยุทธ์ เทคนิคการเทรด และการวิเคราะห์รูปแบบกราฟ (Chart patterns)
ด้วย Team Exness

การเทรด (Trading) หรือ การซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์ เปรียบเสมือนจังหวะชีพจรของโลกการเงิน ที่ที่ทำสามารถทำกำไรและขาดทุนได้ในพริบตา นักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่หุ้นและสกุลเงินดิจิทัล ไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์ และอนุพันธ์ เพื่อทำกำไร
อย่างไรก็ตาม ในโลกของการซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์นั้นมีความซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และยังมีการควบคุมโดยตลาด นักลงทุนจำเป็นต้องรู้จักกลยุทธ์, เทคนิค หรือการวิเคราะห์รูปแบบกราฟเข้ามาปรับใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ในบทความนี้ เราอยากชวนคุณมาเริ่มต้นทำความเข้าใจโลกแห่งการลงทุนเบื้องต้น ตั้งแต่การซื้อขาย (Trading) คืออะไร มีกลยุทธ์พื้นฐานอะไรบ้างที่ควรรู้ และการดูรูปแบบกราฟเบื้องต้น เพราะการทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางให้คุณสามารถเริ่มต้นการเทรดได้ง่ายๆ ในตลาดการเงินที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
ตลาดและสินทรัพย์ในการซื้อขาย
การซื้อขายครอบคลุมตลาดการเงินหลากหลายประเภท โดยแต่ละตลาดก็มีลักษณะเฉพาะและโอกาสที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟอเร็กซ์ (Forex), หุ้น (Stocks), ดัชนี้หุ้น (Stock Indices), สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หรือ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrencies) ชวนไปทำความรู้จักตลาดต่างๆ ดังนี้
ฟอเร็กซ์ (Forex)
ตลาดฟอเร็กซ์หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นที่ซื้อขายสกุลเงินคู่ต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจ รัฐบาล และบุคคลสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ มีมูลค่าการซื้อขายรายวันมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้ซื้อขายเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยใช้คู่เงินสกุลต่างๆ เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY โดยการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดฟอเร็กซ์ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และตลาด
หุ้น (Stocks)
ตลาดหลักทรัพย์หรือที่มักเรียกว่าตลาดหุ้น เป็นส่วนหนึ่งของตลาดการเงินทั่วโลก เป็นที่ที่นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นในบริษัทต่างๆ ในรูปแบบของหุ้นได้ โดยหุ้นเหล่านี้แสดงถึงส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัท และให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นในส่วนแบ่งของสินทรัพย์และกำไรของบริษัท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนหุ้นที่ถือครอง
ดัชนีหุ้น (Stock Indices)
ดัชนีหุ้น (Stock Index) คือ ตัวเลขที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาของกลุ่มหุ้นที่แสดงถึงผลการดำเนินงานของภาคส่วนต่างๆ หรือในตลาดทั้งหมด เช่น S&P 500 หรือ Dow Jones ที่ทำหน้าที่เป็นบรรทัดฐานสำหรับสถานะทางการเงินของตลาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนประเมินแนวโน้มของตลาดโดยรวมและกระจายการลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีหรือ ETF เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้การบริหารพอร์ตการลงทุนง่ายขึ้นด้วยการติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทจำนวนมากผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพียงรายการเดียว
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นภาคส่วนของตลาดการเงินที่มีการซื้อขายทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสินค้าดิบ หรือ ทรัพยากรปฐมภูมิ เช่น น้ำมัน ทองคำ เงิน ทองแดง ข้าวสาลี และกาแฟ สินค้าเหล่านี้เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเป็นพื้นฐานในการผลิตสินค้าและบริการ ราคาในตลาดนี้ถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานทั่วโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศ, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สามารถป้องกันอัตราเงินเฟ้อและกระจายพอร์ตการลงทุนได้ แม้ว่าตลาดนี้มักจะมีความผันผวนมากกว่าหุ้นหรือพันธบัตรก็ตาม
สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrencies)
ตลาดสกุลเงินดิจิทัลหรือตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการเงินที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้ระบบกระจายศูนย์ เช่น บิทคอยน์ม อีเธอร์เรียมม และอัลต์คอยน์อื่นๆ อีกนับพันรายการ โดยสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งมีความปลอดภัย, มีความเป็นส่วนตัว และเป็นอิสระจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูง ราคาอาจขึ้นลงอย่างมากในเวลาอันสั้น ทั้งนักลงทุนและนักเทรดต่างหวังผลกำไรที่สูง แต่ก็ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีสูงเช่นกัน ตลาดนี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้ตลอดเวลาโดยไม่มีการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลแบบรวมศูนย์ จึงแตกต่างจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
คำศัพท์สำคัญในการซื้อขายออนไลน์ที่ควรรู้
เพื่อเริ่มต้นในการซื้อขายออนไลน์ การเข้าใจคำศัพท์เฉพาะเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือคำศัพท์ที่คุณควรรู้และเข้าใจก่อนเริ่มทำธุรกรรม
- Margin: ในการซื้อขาย Margin คือ เงินมัดจำที่จำเป็นต้องวางเพื่อเปิดและรักษาสถานะในตลาดการเงินโดยใช้เงินทุนเรียกเก็บ ซึ่งทำให้สามารถควบคุมจำนวนเงินทุนจำนวนมากด้วยเงินทุนจำนวนน้อย โดยแบ่งเป็นเงิน Margin เริ่มต้น ที่จำเป็นต้องวางเพื่อสร้างสถานะ และเงิน Margin เพื่อการดำรงสถานะต่อไป ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่ต้องรักษาเพื่อให้สถานะเปิดอยู่ การจัดการ Margin อย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญ เนื่องจากมีผลต่อโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุน และหากไม่สามารถตอบสนองข้อกำหนดของ Margin ได้ อาจถูกเรียกให้ส่งเงิน Margin พิ่มเติม หรือปิดสถานะการลงทุน
- Stop-loss: เป็นคำสั่งที่นักเทรดวางไว้ในตลาด เพื่อขายสินทรัพย์เมื่อราคาลงมาถึงระดับหนึ่ง เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากสถานะที่เปิดอยู่ เป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่สำคัญในการซื้อขาย ช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่ยอมรับได้สำหรับการขาดทุนจากการทำธุรกรรมครั้งหนึ่งไว้ล่วงหน้า การใช้ Stop-loss ช่วยปกป้องเงินทุน โดยจะปิดสถานะโดยอัตโนมัติที่ราคาที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงการขาดทุนมากขึ้นในตลาดที่ผันผวนหรือมีความเคลื่อนไหวรวดเร็ว
- Take-profit: คือ คำสั่งอัตโนมัติที่นักเทรดใช้เพื่อปิดสถานะที่เปิดอยู่เพื่อทำกำไร เมื่อราคาสินทรัพย์ขึ้นไปถึงระดับที่กำหนดไว้ เครื่องมือบริหารความเสี่ยงนี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษากำไรได้ โดยการออกจากตลาดที่ราคาเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่จำเป็นต้องติดตามสถานะอย่างต่อเนื่อง คำสั่ง Take-profit มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในตลาดที่ผันผวน ช่วยให้สามารถรักษากำไรได้ก่อนที่ราคาจะกลับตัวลดลง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักเทรดมั่นใจได้ว่าจะบรรลุเป้ากำไรตามที่กำหนด และช่วยให้เทรดเดอร์ดำเนินกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีระเบียบวินัยและมีประสิทธิภาพ
คำศัพท์เหล่านี้เป็นพื้นฐานและมีความสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงและโอกาสในการซื้อขายออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพของนักลงทุน
3 กลยุทธ์การเทรดหลัก
Day Trading
Day Trading เป็นกลยุทธ์ที่ที่เปิดและปิดสถานะภายในวันเดียวกัน โดยไม่เปิดสถานะค้างคืน นักเทรดแบบเดย์เทรดจะแสวงหาผลกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นของหุ้น สกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ
กลยุทธ์นี้ต้องการการจับตาดูตลาดอย่างต่อเนื่อง การตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง และการบริหารความเสี่ยงที่ดี การเทรดแบบ Day Trading เหมาะสมกับนักเทรดที่มีประสบการณ์ ซึ่งสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ตัดสินใจในสถานการณ์กดดัน และบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพและระมัดระวังโดยใช้ Leverage ทางการเงิน
Momentum Trading
การซื้อขายด้วยโมเมนตัมเป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินทรัพย์ในแนวโน้มขาขึ้นและการขายสินทรัพย์ในแนวโน้มขาลง โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งจะดำเนินต่อไปในวิถีนั้นในระยะสั้น
นักเทรดแบบโมเมนตัมจะมองหาสัญญาณที่บ่งชี้ว่าหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักเกิดจากเหตุการณ์ข่าว รายงานทางการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ แนวทางนี้ต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อระบุแนวโน้มและการตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาก่อนที่จะกลับตัว ทำให้การจัดการจังหวะเวลาและความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ
Investment (Long-Term Trading)
Investment (Long-Term Trading) คือ การลงทุนระยะยาว การซื้อขายเพื่อการลงทุนหรือที่เรียกกันว่าการลงทุนระยะยาว เป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและถือครองสินทรัพย์ทางการเงินเป็นระยะเวลานาน ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ แตกต่างจากการซื้อขายรายวันหรือการซื้อขายโมเมนตัมซึ่งมุ่งหวังผลกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น ดังนั้น อาจเรียกได้ว่า Investment (Long-Term Trading) คือ การลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่ศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวและการสร้างรายได้ผ่านเงินปันผลหรือดอกเบี้ย
นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้จะตัดสินใจบนพื้นฐานของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท, ตลาด และสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อระบุสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ซึ่งกลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความอดทน วินัย และความสามารถในการรับความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนาน โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพและการเติบโตที่ยั่งยืนมากกว่าความผันผวนในระยะสั้น
รูปแบบกราฟในการเทรด (Chart Patterns)
การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ คือหนึ่งในเทคนิคที่นักลงทุนใช้เพื่อหาโอกาสและคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต ตัวอย่างรูปแบบกราฟ เช่น
รูปแบบ Wedges
รูปแบบ Wedges หรือ "เวดจ์" คือ รูปแบบการรวมตัวในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยที่เส้นแนวโน้มมาบรรจบกัน ส่งสัญญาณถึงการกลับตัวหรือความต่อเนื่องของแนวโน้ม ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นเวดจ์ขาขึ้นและขาลง โดยให้เบาะแสเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
รูปแบบ Triangles
รูปแบบ Triangles หรือ รูปแบบสามเหลี่ยม เป็นรูปแบบกราฟที่เกิดจากการบรรจบกันของเส้นแนวรับและแนวต้าน ซึ่งบ่งบอกถึงช่วงราคาหุ้นที่แคบลงตามแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของราคาหุ้น เป็นรูปแบบกราฟที่ถูกแบ่งออกเป็นรูปสามเหลี่ยมจากน้อยไปหามาก จากมากไปน้อย และสามเหลี่ยมสมมาตร ซึ่งแสดงถึงสัญญาณการรวมตัว ความต่อเนื่อง หรือการกลับตัวของหุ้น ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้รูปแบบกราฟนี้ช่วยในการตัดสินใจในการเข้าซื้อหรือขายออกได้
รูปแบบ Channels
Channels คือรูปแบบแนวโน้มที่เกิดจากเส้นคู่ขนานสองเส้น แสดงถึงแนวรับและแนวต้าน ซึ่งราคาจะแกว่งไปมา เป็นรูปแบบกราฟที่ช่วยระบุโอกาสในการซื้อและขายโดยการติดตามทิศทางของช่อง โดยกลยุทธ์การใช้ Channel Trade คือ เข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นลงมาแตะที่เส้นแนวรับ และขายออกเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปแตะที่แนวต้าน ซึ่งข้อดีของ Channel Trade ก็คือมีกรอบการเทรดที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้นักลงทุนและนักเทรดวางแผนได้ง่าย
ซึ่งการเรียนรู้รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) เหล่านี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเทรดหรือการซื้อขายออนไลน์ได้
เริ่มต้นการเทรดได้อย่างไร?
การเข้าสู่โลกแห่งการเทรด หรือโลกของการซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์ จำเป็นต้องมีการเตรียมการและการศึกษา ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเริ่มต้น ซึ่งสามารถเริ่มต้นได้ ดังนี้
- เลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้: มองหาแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Exness ที่นำเสนอความปลอดภัย แหล่งข้อมูลด้านการศึกษา และการสนับสนุนลูกค้า
- ศึกษาข้อมูล: ใช้ทรัพยากรทางการศึกษาและใช้บัญชีทดลองเพื่อให้เข้าใจกลไกของตลาดโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจริง
- กำหนดกลยุทธ์: กลยุทธ์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุน แนะนำให้เลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะกับคุณที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเทรดรายวัน, การเทรดแบบสวิง หรือการลงทุนระยะยาว
- วิเคราะห์ตลาด: ก่อนทำการเทรด ให้วิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดโดยใช้การวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น การศึกษาแผนภูมิราคา, ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ, ข่าวทางการเงิน และรายงานของบริษัท เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเทรดแบบมีข้อมูลครบถ้วน
- จัดการความเสี่ยง: หนึ่งในกุญแจสำคัญสู่การเทรดที่ประสบความสำเร็จ คือ การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผล ซึ่งรวมถึงการใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop-loss) เพื่อจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น การกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณเพื่อกระจายความเสี่ยง และการปรับขนาดสถานะตามระดับความเชื่อมั่นและการวิเคราะห์ตลาด
- จิตวิทยาการซื้อขาย: การควบคุมอารมณ์เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเทรดประสบความสำเร็จ การมีวินัย ปฏิบัติตามแผนการเทรด รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้ความกลัวหรือความโลภมากำหนดการตัดสินใจ
- เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง: เพราะตลาดการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ๆ เครื่องมือการในการเทรด รวมถึงกลยุทธ์ และแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์หลายแห่งก็มีการสัมมนาผ่านเว็บไซต์ หรือมีหลักสูตร เพื่อช่วยให้นักเทรดได้พัฒนาทักษะมากขึ้น
ความสำคัญของแพลตฟอร์มการเทรด
การเลือกแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ที่เหมาะสมเป็นพื้นฐานสำหรับนักเทรดทุกคน แพลตฟอร์มที่ดีไม่เพียงแต่ให้การเข้าถึงตลาดการเงินได้โดยตรงเท่านั้น แต่ยังนำเสนอเครื่องมือการวิเคราะห์ขั้นสูง, แผนภูมิเชิงโต้ตอบ และข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่สามารถช่วยในการตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูล ตัวอย่างแพลตฟอร์มการเทรดที่อยากแนะนำ เช่น Exness ที่มีบัญชีทดลองให้นักเทรดได้เข้ามาใช้ ช่วยให้นักเทรดได้ฝึกฝนและใช้กลยุทธ์ต่างๆ ได้โดยปราศจากความเสี่ยง
สรุป
การเทรดเป็นกิจกรรมที่มีความต้องการสูงเพราะช่วยสร้างโอกาสในการทำกำไรแต่ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงเช่นกัน เพื่อให้นักเทรดประสบความสำเร็จและสามารถทำกำไรได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจการทำงานของตลาดการเงิน มีความเชี่ยวชาญกลยุทธ์การเทรด และสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการประยุกต์ใช้หลักการต่างๆ รวมถึงการใช้แหล่งข้อมูลที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง อย่าง Exness เข้ามาช่วย จะช่วยให้นักเทรดสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดการเงินได้
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ
ผู้เขียน:
